News

ดาวดวงใหม่ภายใต้รหัส M34 F8 Date ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์ฝนดาวตกด้วยเทคโนโลยีใหม่แห่งการพิมพ์สีบนหน้าปัดนาฬิกาที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก

Orient Star เปิดตัวนาฬิกาสองรุ่นใหม่ภายใต้รหัส M34 F8 Date จากคอลเลคชั่นคอนเทมโพรารีที่มาพร้อมกับงานออกแบบหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพของฝนดาวตกที่ประสานงานกับการบอกเวลาผ่านกลไกอัตโนมัติคุณภาพสูงด้วยประสิทธิภาพของจักรเหล็กซิลิคอน นาฬิการุ่นแรกได้รับการสร้างสรรหน้าปัดจากเทคโนโลยีใหม่ของโลกได้แก่นาโนพาร์ทิคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งเทคโนโลยี (Nanoparticle Metal Multilayering Technology) ที่ถูกผลิตในแบบจำกัดจำนวนที่ 160 เรือนในขณะที่นาฬิการุ่นที่สองมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวดีไซน์สวยงามสะท้อนภาพอวกาศในห้วงลึกอันเป็นตัวแทนของนาฬิกา Orient Star ในรุ่นระดับเรือธงได้อย่างชัดเจน คอลเลคชั่นคอนเทมโพรารี M34 ที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มดาวเพอร์เซอุสด้วยภาพของฝนดาวตกที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนสร้างความหลากหลายให้กับไลน์อัพของแบรนด์ซึ่ง M34 F8 Date เป็นนาฬิกาในระดับบนที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือในการประดิษฐ์ของช่างที่เชี่ยวชาญประกอบกับการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ M34 F8 Date มีรูปลักษณ์ในแบบร่วมสมัยที่ประกอบไปด้วยชุดบอกเวลาแบบสามเข็มบริเวณกึ่งกลางหน้าปัด ช่องแสดงวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาและมาตรวัดพลังงานคงเหลืออันเป็นคุณลักษณะอันโดดเด่นของแบรนด์ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา หน้าปัดสีดำของรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแสดงถึงภาพของกลุ่มฝนดาวตกที่พุ่งลงจากบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนโดยอาศัยเทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งที่ทำให้สามารถกำหนดระดับการไล่เฉดสีและความเรียบเนียน ความหนาพร้อมด้วยการเคลือบใสอันเป็นที่มาของภาพห้วงอวกาศที่มีความลึก เทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งนี้เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ที่ในเนื้อสีจะประกอบไปด้วยอนุภาคโลหะขนาดเล็กในระดับนาโนมิเตอร์ที่จะถูกใช้สำหรับพิมพ์ภาพด้วยกรรมวิธีพ่นสีแบบอิงค์เจ็ทลงบนหน้าปัดซ้ำไปมาหลายชั้น มากไปกว่านั้นนาฬิกายังได้รับการเติมเต็มด้วยเข็มและหลักชั่วโมงที่ได้รับการปัดเส้นแฮร์ไลน์และขัดเงารวมถึงกรอบช่องแสดงวันที่ที่มีเส้นสายอันคมกริบตัดกับพื้นหน้าปัดสีดำอย่างชัดเจน ในส่วนของรุ่นที่ผลิตแบบทั่วไปที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวนั้นมีลวดลายบนหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากฝนดาวตกเช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ขั้นตอนการประดิษฐ์หน้าปัดยังคงใช้เทคโนโลยีออพติคัลมัลติเลเยอร์ฟิล์มที่มีส่วนช่วยขับสีและลวดลายบนหน้าปัดให้โดดเด่นและเปลี่ยนแปลงความสวยงามไปตามมุมมองที่แสงตกกระทบ เทคโนโลยีออพติคัลมัลติเลเยอร์ที่ถูกคิดค้นขึ้นเองนี้ได้สร้างเอฟเฟคของโทนสีลงบนแผ่นโลหะด้วยการซ้อนทับของแผ่นฟิล์มที่มีความบางในระดับนาโนที่จะคอยควบคุมการสะท้อนและการส่งผ่านของแสง ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ได้ภาพของห้วงอวกาศที่มีความลึกที่ไม่อาจทำได้ด้วยการลงสีบนหน้าปัดแบบทั่วไป หน้าปัดที่มีความพิเศษเหล่านี้ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นภายในสตูดิโอหน้าปัดของชินชูว๊อชสตูดิโอ (Shinshu Watch Studio) ในจังหวัดนากาโนประเทศญี่ปุ่น สตูดิโอหน้าปัดได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตอันยอดเยี่ยม อาทิ งานพื้นผิว ความสวยงามของหลักชั่วโมง งานลงสี งานเคลือบและงานประดิษฐ์ในส่วนของเข็มนาฬิกา เทคนิคที่ต้องการความเที่ยงตรงและแม่นยำนี้ต้องอาศัยงานฝีมือที่เป็นเลิศเพื่อทำให้หน้าปัดอันโดดเด่นของโอเรียนท์สตาร์เป็นจริงขึ้นมาได้ เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไม่ได้จำกัดไว้แค่ในส่วนของหน้าปัดแต่ยังได้นำไปใช้กับเครืองอัตโนมัติ […]

ดาวดวงใหม่ภายใต้รหัส M34 F8 Date ที่จะพาคุณเปิดประสบการณ์ฝนดาวตกด้วยเทคโนโลยีใหม่แห่งการพิมพ์สีบนหน้าปัดนาฬิกาที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกของโลก Read More »

สามทหารเสือแห่งนาฬิกาดีไซน์ดำน้ำในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อการฉลองครบรอบ 75 ปี แบรนด์ ORIENT และเฉดสีใหม่ในรุ่น Diver Design 40

ORIENT ได้เปิดตัวเรือนเวลาดีไซน์ดำน้ำระดับเรือธงสามรุ่นในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อการฉลองครบรอบ 75 ปีของแบรนด์พร้อมด้วยเฉดสีใหม่สามสีในรุ่น Diver Design 40 นาฬิการุ่น Diver Design และ Diver Design 40 เหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์ในแนวสปอร์ตและลำลองสามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวันและลงตัวกับบุคลิกที่กระฉับกระเฉง (นาฬิกาไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรฐาน ISO สำหรับการดำน้ำลึก) นาฬิกาทั้งหมดในรุ่นไดเวอร์ดีไซน์เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของแบรนด์และเป็นเสมือนตัวแทนทุกสิ่งทุกอย่างให้กับโอเรียนท์ตั้งแต่เปิดตัวในช่วงทศวรรษที่ 60 พร้อมกับการถูกเรียกขานในนาม “โอเรียนท์ มาโก” ซึ่งได้การรับตอบรับอย่างท่วมท้นจากผู้ที่หลงใหลในเรือนเวลาทั่วโลกด้วยความหลากหลายของสีหน้าปัดและรายละเอียดในการออกแบบที่ซับซ้อน          หลังจากการกำเนิดขึ้นในปี 1950 โอเรียนท์ได้สร้างความไว้ใจในฐานะแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือด้วยกลไกเครื่องที่ผลิตขึ้นเองและการส่งไปจำหน่ายมากกว่า 70 ประเทศจวบจนการเฉลิมฉลองการครบรอบ 75 ปีในปี 2025 เพื่อเป็นการระลึกถึงหมุดหมายสำคัญนี้โอเรียนท์ได้เปิดตัวนาฬิกาสามรุ่นที่ผลิตขึ้นในแบบจำกัดจำนวนที่ 6,000 เรือนในรุ่น Diver Design(Ref.RA-AA0823L) และ Diver Design 40(Ref.RA-AC0Q12L) และ 1,000 เรือนในรุ่น Diver Desgn Chronograph(Ref.RA-TX0210L) รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นได้หยิบเอาบรรยากาศและความรู้สึกของวันที่แจ่มใสด้วยภาพของท้องฟ้าสีฟ้าสุดสายตาและลมทะเลที่อ่อนโยนสะท้อนผ่านหน้าปัดที่ให้อารมณ์กระฉับกระเฉงด้วยการประทับลวดลายซันเบริสต์และเข็มวินาทีที่ได้แรงบันดาลใจจากแสงแดดรวมถึงการเลือกใช้โลโก้โอเรียนท์ในแบบดั้งเดิมจากยุค 1950s คุณลักษณะเหล่านี้ช่วยส่งให้ภาพลักษณ์ของนาฬิกาชัดเจนยิ่งขึ้น ฝาหลังและเม็ดมะยมแบบขันเกลียวช่วยเพิ่มความมั่นใจในการป้องกันแรงดันน้ำได้เทียบเท่ากับความลึกในระดับ 200 เมตร รวมถึงการสลักตราสัญลักษณ์เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75

สามทหารเสือแห่งนาฬิกาดีไซน์ดำน้ำในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อการฉลองครบรอบ 75 ปี แบรนด์ ORIENT และเฉดสีใหม่ในรุ่น Diver Design 40 Read More »

ร่วมฉลองการครบรอบ 75 ปีของ ORIENT และ PEANUTS กับโปรเจคสุดพิเศษ

สองแบรนด์สุดเลิฟของเหล่าแฟนคลับทั่วโลกอย่าง ORIENT และ PEANUTS ได้จับมือกันรังสรรนาฬิกาเรือนพิเศษสำหรับการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปีในปี 2025 นี้ด้วยการหยิบเอานาฬิกาจากสามซีรีส์ยอดฮิตมาผลิตในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ประกอบไปด้วย Classic and Simple Style 38 สองเฉดสีในจำนวน 7,800 เรือนและ 3,100 เรือน, Semi Skeleton 1,900 เรือนและ Diver Design 40 จำนวน 3,800 เรือน หน้าปัดแฝงความเก๋ไก๋ด้วยคาแรคเตอร์ตัววู๊ดสต๊อคและสนู้ปปี้ที่ผู้หลงใหลใน ORIENT และ PEANUTS ไม่ควรพลาด นับตั้งแต่การก่อตั้งขึ้นในปี 1950 ORIENT ได้สะสมความไว้เนื้อเชื่อใจในฐานะการเป็นแบรนด์นาฬิการะบบกลไกที่ผลิตขึ้นในโรงงานของตนเองและส่งไปวางจำหน่ายกว่า 70 ประเทศ ในขณะที่อีกหนึ่งแบรนด์อันเป็นที่รักจากผู้คนทั่วโลกและมีอายุครบ 75 ปีเช่นกัน นั่นคือ PEANUTS ที่ก่อตั้งในปี 1950 ด้วยการเป็นการ์ตูนภาพที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์อเมริกัน นาฬิกาทุกเรือนประทับด้วยตราสัญลักษณ์ ORIENT ในรูปแบบลายมือเขียนที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาและในตำแหน่ง 6 นาฬิกานั้นได้ถูกวางดีไซน์ด้วยอาร์ตเวิร์คของสนู้ปปี้นอนหลับอันเป็นภาพคลาสสิคประจำตัวโดยมีเจ้าวู้ดสต๊อคสวมมงกุฏสีทองบินอยู่ข้างๆ

ร่วมฉลองการครบรอบ 75 ปีของ ORIENT และ PEANUTS กับโปรเจคสุดพิเศษ Read More »

ORIENT STAR เพิ่มโทนสีสว่างที่ชวนให้นึกถึงชายทะเลให้กับนาฬิการุ่น Layer Skeleton

โอเรียนท์สตาร์เพิ่มนาฬิกาสองรุ่นใหม่ให้กับซีรีส์เลเยอร์สเกเลตัน (Layer Skeleton) ที่อยู่ภายใต้คอลเลคชั่นคอนเทมโพรารี่โดยรุ่นที่ผลิตแบบจำนวนปกตินั้นหน้าปัดจะมาในโทนสีแชมเปญโกลด์ที่ชวนให้นึกถึงภาพของชายทะเลและในรุ่นที่เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นหน้าปัดสีมินต์กรีนท์ถูกผลิตขึ้นที่จำนวน 700 เรือน ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันนั้นทำให้นาฬิกาคู่นี้เป็นไอเท็มที่ลงตัวสำหรับการแต่งกายสไตล์ซัมเมอร์ Layer Skeleton เริ่มต้นซีรีส์ด้วยแรงบันดาลใจที่ได้จากชุดสูทและรูปแบบหน้าปัดที่ซ้อนกันสองชั้นรวมถึงช่องหน้าต่าง semi-skeleton รูปทรงลูกน้ำหรือเพรสลี่ย์ (paisley) และหน้าปัดแสดงพลังงานคงเหลือที่เจาะช่องไว้ตรงกลางเผยให้เห็นเครื่องที่ทำงานอยู่ภายในซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้หน้าปัดโดยรวมมีความสวยงาม นาฬิกาสองรุ่นล่าสุดในซีรีส์นี้เลือกใช้สีที่สดใหม่ในขณะที่เพิ่มเติมกลิ่นอายในแบบเมดิเตอร์เรเนียนไว้บนหน้าปัดเพื่อแสดงออกถึงบรรยากาศและความซับซ้อนของชายฝั่ง ความสวยงามของการผสมผสานระหว่างสีเข้มและอ่อนจากดีไซน์หน้าปัดแบบสองชั้นที่สร้างให้เกิดมิติความลึกยิ่งช่วยกลั่นความรู้สึกสบายๆ ในสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนออกมาได้อย่างชัดเจน นาฬิการุ่นที่ผลิตแบบจำนวนปกติ(Ref.RA-AV0B10G)ให้ความประทับใจจากความสวยและสง่างามด้วยการผสมผสานหน้าปัดสีแชมเปญโกลด์ที่เป็นตัวแทนของแสงอาทิตย์บริเวณชายฝั่ง จับคู่มากับสายหนังแท้สีเทาในขณะที่รุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น(Ref.RE-AV0B11E) ที่ผลิตแบบจำกัดจำนวนที่ 700 เรือนนั้นจะให้ความรู้สึกที่กระฉับกระเฉงและอ่อนเยาว์ด้วยหน้าปัดสีมินต์กรีนชวนให้นึกถึงสายลมที่สดชื่นบนผืนมหาสมุทรสีฟ้า  โดยนาฬิการุ่นนี้เลือกใช้เป็นสายสตีล (SUS316L) แบบห้าข้อที่มีระยะของแต่ละข้อที่สั้นเพื่อเพิ่มความกระชับขณะที่สวมใส่ นาฬิกาสองรุ่นใหม่นี้ได้รับการบรรจุเครื่องอัตโนมัติที่ผลิตขึ้นเองภายในโรงงานของ Orient Star รหัส F6F44 สามารถสะสมพลังงานสูงสุดที่ 50 ชั่วโมงและให้ค่าความเที่ยงตรงสูงที่ +25 วินาทีถึง – 15 วินาทีต่อวัน สีของหน้าปัดใหม่และแถบแสดงพลังงานสำรองอันเป็นเอกลักษณ์ของโอเรียนท์สตาร์นั้นช่วยเพิ่มความมีสไตล์ให้กับกลไกการบอกเวลาที่มีความซับซ้อนสูงของซีรีส์ Layered Skeleton นี้ นาฬิการุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นมาพร้อมกับหมายเลขประจำตัวเรือนสลักอยู่บริเวณขอบของฝาหลังที่กรุกระจกใสช่วยเพิ่มความรู้สึกพิเศษให้กับนาฬิกา ราคาปลีก RE-AV0B10G : 38,000 บาท RE-AV0B11E : 39,000 บาท เกี่ยวกับโอเรียนท์สตาร์ “Capture Your

ORIENT STAR เพิ่มโทนสีสว่างที่ชวนให้นึกถึงชายทะเลให้กับนาฬิการุ่น Layer Skeleton Read More »

Orient Star เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ “Contemporary Date” ที่มาในโทนสีเอิร์ธโทนสุดละมุน

Orient Star เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ภายใต้ชื่อรุ่น“Contemporary Date” ต่อยอดความนิยมจากสีดั้งเดิม สู่สี่รุ่นใหม่ที่มาในโทนสีหน้าปัดแบบเอิร์ธโทนจากคอลเลกชัน Contemporary สีสันอันวิจิตรบรรจงนี้เพิ่มเสน่ห์ให้กับนาฬิการุ่นนี้ ซึ่งโดดเด่นด้วยมาตรวัดแสดงพลังงานสำรองและสไตล์ในแบบร่วมสมัย นอกจากเข็มนาฬิกาแบบสามเข็มตามการออกแบบดั้งเดิม  นาฬิการุ่น “Contemporary Date” ยังมีการแสดงวันที่ตรงบริเวณตำแหน่ง 3 นาฬิกาและการแสดงพลังงานสำรองอันเป็นเอกลักษณ์ของ Orient Star ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาอีกด้วย นาฬิกาซีรีส์นี้ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่องจากการเป็นนาฬิกาอเนกประสงค์ที่เหมาะสำหรับสวมใส่ในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือลำลอง Orient Star “Contemporary Date”  มาพร้อมหน้าปัดสีใหม่ที่แตกต่างจากรุ่นก่อนๆ ด้วยการใช้โทนสีที่ให้สัมผัสที่ดูนุ่มนวลของสีเอิร์ธโทน นำเสนอทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีเขียวที่เป็นตัวแทนของใบไม้ที่อยู่บนต้นไม้ (Leaf)  สีคอปเปอร์ที่สื่อถึงทรายในทะเลทราย (Sand) สีฟ้าอ่อนที่ชวนให้นึกถึงน้ำใสราวกับคริสตัล (Water) และสีเทาที่แสดงถึงอัตลักษณ์ของหิน (Rock) ความมีสไตล์ที่ลงตัวของนาฬิการุ่นนี้สร้างขึ้นจากการใช้สีสันของสีที่มีความอิ่มตัวน้อยลง (Desaturation) และเฉดสีเหล่านี้ทำให้นาฬิการุ่นนี้มีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกขั้น คุณสมบัติอีกประการของนาฬิการุ่น “Contemporary Date” สีเอิร์ธโทนนี้คือคุณภาพระดับสูงที่ได้จากกระจกแซฟไฟร์เคลือบสารป้องกันแสงสะท้อน ตัวเรือนดีไซน์เฉียบที่ผสมผสานระหว่างการขัดแบบแฮร์ไลน์และผิวกระจกและสายนาฬิกาสเตนเลสสตีล SUS316L นาฬิกาทุกเรือนมาพร้อมเครื่องอัตโนมัติ in-house คาลิเบอร์ F6N43 ซึ่งมีความเที่ยงตรงสูงและให้ค่าความคลาดเคลื่อนอยู่ที่

Orient Star เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ “Contemporary Date” ที่มาในโทนสีเอิร์ธโทนสุดละมุน Read More »

โอเรียนท์เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในกลุ่ม “Classic and Simply Style” (Bambino Series) ภายใต้คอนเซ็ปต์สีสันใหม่และรุ่นฉลองครบรอบ 75 ปีในแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น

โอรียนท์  ได้เปิดตัวนาฬิกาในกลุ่ม “Classic and Simply Style” หรือที่แฟนนาฬิกาโอเรียนท์ขนานนามว่า “Bambino” มีทั้งหมดสองดีไซน์โดยดีไซน์แรกนำเสนอทั้งหมด 4 รุ่นที่มีหน้าปัดสีใหม่ เหมาะกับการสวมใส่ในโอกาสที่ไม่เป็นทางการ และรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นจำนวนรวม 9,500 เรือนเพื่อฉลองวาระครบรอบ 75 ปีของ Orient ในปี 2025 นี้   ดีไซน์ที่สองนำเสนอทั้งหมด 3 รุ่น กับหน้าปัดที่มีฟังก์ชั่นแสดงช่วงเวลากลางวันและกลางคืนผ่านสัญลักษณ์พระอาทิตย์และพระจันทร์ พร้อมด้วยรุ่นพิเศษเพื่อฉลองการครบรอบ 75 ปีในรุ่นลิมิเต็ดเอดิชั่นจำนวนรวม 5,500 เรือน นาฬิการุ่น Classic Collection เป็นตัวแทนของสไตล์ดั้งเดิมของนาฬิกาโอเรียนท์โดยซีรีส์คลาสสิคแอนด์ซิมเพิลสไตล์เป็น    ซีรีส์ยอดนิยมที่ขายดีทั่วโลก เป็นตัวแทนของทุกสิ่งที่เป็นโอเรียนท์ ความโดดเด่นของซีรีส์นี้แฝงอยู่ในส่วนต่างๆ ของนาฬิกาไม่ว่าจะเป็นหน้าปัดโค้งแบบคลาสสิกดั้งเดิม กระจกทรงโดมที่ให้ความรู้สึกย้อนยุค และดีไซน์ตัวเรือนที่ละเอียดอ่อนพร้อมขาตัวเรือนที่เรียวบาง ในปี 2025 นาฬิการุ่นใหม่นี้เลือกใช้สีสันที่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมาเพื่อให้นาฬิกามีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นมากยิ่งขึ้นรวมทั้งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้นด้วยเช่นกัน หน้าปัดสีใหม่ทั้ง 4 สี (Ref.RA-AC00) ได้แก่ สีเขียว สีน้ำเงินกรมท่า และสีแดงบอร์โดซ์ พร้อมการตกแต่งแบบซันเบิร์สต์ และหน้าปัดสีเบจที่ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรก  หน้าปัดมีหลักเวลาแบบตัวเลขโรมันสีทองชมพู สีทอง

โอเรียนท์เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่ในกลุ่ม “Classic and Simply Style” (Bambino Series) ภายใต้คอนเซ็ปต์สีสันใหม่และรุ่นฉลองครบรอบ 75 ปีในแบบลิมิเต็ดอิดิชั่น Read More »

โอเรียนท์เสริมทัพให้กับกลุ่มเครื่องโซล่าพาวเวอร์ด้วยนาฬิกาจากคอลเลคชั่นคลาสสิคแอนด์ซิมเพิลสไตล์ 38

ORIENT เปิดตัวนาฬิการุ่นใหม่จากคอลเลคชั่น Classic and Simple Style 38 ด้วย 5 สีใหม่ที่มากับตัวเรือนขนาดกระทัดรัด 38 มิลลิเมตรและเครื่องระบบโซล่าพาวเวอร์ซึ่งเป็นการจับคู่การทำงานด้วยเครื่องชนิดนี้เป็นครั้งแรกในนาฬิกาสไตล์คลาสสิคของแบรนด์(ORIENT Bambino) นอกจากนาฬิกาทั้ง 5 สีในรุ่นปกติแล้ว ORIENT ยังได้สร้างสรรเรือนพิเศษในรูปแบบลิมิเต็ดอิดิชั่นที่ผลิตขึ้นในวาระครบรอบ 75 ปีด้วยจำนวนผลิตที่ 750 เรือนและยังมีความพิเศษด้วยการเป็นครั้งแรกในการเลือกใช้สายนาฬิกาหนังสังเคราะห์ที่ถูกผลิตขึ้นด้วยกรรมวิธีอัพไซเคิลกากใยจากผลแอปเปิ้ลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย คอลเลคชั่น Classic and Simple Style 38 มีความโดดเด่นด้วยกระจกและหน้าปัดทรงโค้ง ดีไซน์ตัวเรือนและหูสายที่อ่อนช้อยให้ความรู้สึกแบบย้อนยุคนั้นเป็นเอกลักษณ์ของนาฬิกาแบบกลไกของ ORIENT เสมอมา นาฬิการุ่นใหม่ยังคงยึดติดในรูปแบบนี้ ในขณะเดียวกันก็ได้ผสมผสานสิ่งใหม่ด้วยการนำเครื่องระบบโซล่าพาวเวอร์มาใช้โดยที่เครื่องนาฬิกาจะได้รับแสงจากดวงอาทิตย์และแหล่งแสงอื่นๆ มาเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อขับเคลื่อนชุดเข็มในการบอกเวลาโดยที่มีค่าความเที่ยงตรงระหว่าง +20 ถึง -20 วินาทีต่อเดือน รวมถึงคุณสมบัติในการสะสมพลังงานไว้ได้นานถึง 6 เดือนในกรณีที่แบตเตอรี่เต็มจึงทำให้สะดวกต่อการใช้งานในทุกๆ วัน นาฬิกาซีรีย์ Classic and Simple Style 38 ใหม่ที่สวยงามและมีความพราวแพรวนี้มีขนาดความกว้างของตัวเรือนที่ 38 มิลลิเมตรที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีงาช้าง, สีดำ, สีขาว, สีเขียวอ่อนและสีชมพูอ่อน

โอเรียนท์เสริมทัพให้กับกลุ่มเครื่องโซล่าพาวเวอร์ด้วยนาฬิกาจากคอลเลคชั่นคลาสสิคแอนด์ซิมเพิลสไตล์ 38 Read More »

ORIENT (โอเรียนท์) เพิ่มสีสันใหม่ให้นาฬิกาซีรีส์ Diver Design ในรุ่น Mako 40 ที่มาพร้อมหัวใจไฟฟ้าบอกเวลาผ่านเครื่องโซล่าพาวเวอร์

ORIENT (โอเรียนท์) เปิดตัวนาฬิกาโอเรียนท์มาโกะ 40 รุ่นใหม่ด้วยทางเลือก 4 สีล่าสุดในซีรีส์นาฬิกาดีไซน์ดำน้ำที่เป็นไอคอนิคอีกรุ่นของแบรนด์  โดยรุ่นล่าสุดมาในขนาดกะทัดรัดเพียง 39.9 มิลลิเมตรและดีไซน์ที่เรียบง่าย  นอกจากนี้ยังขับเคลื่อนด้วยเครื่อง in-house ระบบโซล่าพาวเวอร์ที่สะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้นและมีสีสันใหม่ที่ชวนให้นึกถึงแสงแดดอ่อน ๆ อันอบอุ่น นาฬิกาโอเรียนท์ในซีรีส์ดีไซน์ดำน้ำนับว่าเป็นส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์ของแบรนด์และเป็นตัวแทนที่ยืนหยัดมาตั้งแต่เริ่มเปิดตัวหรือเรียกอีกชื่อว่า ORIENT Mako ซึ่งเดินทางเข้าสู่การฉลองครบรอบปีที่ 20 ในปี 2024 โดยยังคงรักษาคุณลักษณะต่าง ๆ เช่นการกันน้ำได้ลึกถึง 200 เมตร สำหรับนาฬิการุ่นใหม่ ORIENT Mako 40 มาในดีไซน์หน้าปัดสีสันที่หลากหลายพร้อมเครื่อง in-house ระบบโซล่าพาวเวอร์ที่ได้รับการพัฒนาควบคู่ไปกับนาฬิกาในระบบออโตเมติกรุ่นอื่น ๆ สำหรับแฟน ๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายในการใช้งานมากขึ้น ORIENT Mako 40 นำเสนอมิติใหม่ให้นาฬิกาในซีรีส์ดีไซน์ดำน้ำ ซึ่งได้รับความนิยมทั้งในฐานะไอเท็มทางด้านแฟชั่นและสำหรับการใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยดีไซน์ใหม่ที่กะทัดรัด  เรียบง่าย และมีน้ำหนักที่เบาขึ้น โดยรุ่นใหม่จะมีขนาดตัวเรือนเพียง 39.9 มิลลิเมตร เมื่อเทียบกับรุ่นเดิมที่มีขนาด 41.8 มิลลิเมตรและมีความบางที่ลดลง 1.6 มิลลิเมตร เหลือความบางเพียง

ORIENT (โอเรียนท์) เพิ่มสีสันใหม่ให้นาฬิกาซีรีส์ Diver Design ในรุ่น Mako 40 ที่มาพร้อมหัวใจไฟฟ้าบอกเวลาผ่านเครื่องโซล่าพาวเวอร์ Read More »

ORIENT STAR เผยโฉมรุ่นลิมิเต็ดแห่งปี 2024 ด้วยนาฬิกาภายใต้ธีมเคชิกิ (Keshiki) ที่สะท้อนสีสันที่เชื่อมสรรพสิ่งของโลกเข้าไว้ด้วยกัน

Orient Star ทำการเปิดตัวซีรีส์ที่ผลิตขึ้นในแบบจำกัดจำนวนซึ่งต่อยอดความงดงามมาจากแนวความคิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากสีของท้องฟ้าและทะเลซึ่งเป็นสิ่งที่เชื่อมโลกของเราไว้  ซีรีส์ใหม่นี้ได้รับการขนานนามว่า “เคชิกิ” ซึ่งมีความหมายที่แสดงถึงสีและฉากทัศน์อันงดงามของประเทศญี่ปุ่นซึ่งมักใช้ในบทกวีเพื่ออธิบายถึงความงามตามธรรมชาติ นาฬิกาในซีรีส์นี้จะประกอบไปด้วยรุ่น Modern Skeleton และ Semi Skeleton จากคอลเลกชั่นคอนเทมโพรารีและอีกหนึ่งเรือนที่มีขนาดเล็กที่สุดจากคอลเลกชั่นคลาสสิคได้แก่รุ่น Classic Semi Skeleton  นาฬิกาทุกรุ่นจะมาในรูปแบบหน้าปัดสีฟ้าใสที่ดูราวกับมีความโปร่งเบาที่สื่อถึงฤดูหนาวอันสดชื่นพร้อมด้วยหมายเลขประจำตัวเรือนที่สลักอยู่บนฝาหลัง แรงบันดาลใจจากธีม “Keshiki” ที่ได้จากภาพของภูมิทัศน์อันสวยงามที่ปกคลุมไปด้วยหิมะที่ทอดยาวอันเป็นที่มาของสีฟ้าใสที่ถูกเลือกใช้กับหน้าปัดของนาฬิกาในซีรีส์พิเศษนี้ทำให้นึกถึงอากาศอันสดชื่นของทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยหิมะและยังให้ความรู้สึกที่หรูหราอีกด้วย นาฬิกาสองรุ่นที่มีกลิ่นอายความเป็นสปอร์ตจากคอลเลกชั่นคอนเทมโพรารีอย่าง Modern Skeleton และ Semi Skeleton ที่มีจุดเด่นด้วยการเปิดช่องหน้าต่างให้เห็นกลไกภายในรวมถึงเข็มวินาทีและเข็มชี้บอกพลังงานสีน้ำเงินที่เข้ากันอย่างลงตัวกับหน้าปัดสีฟ้า นาฬิกาอีกหนึ่งรุ่น Classic Semi Skeleton จากคอลเลกชั่นคลาสสิคมาพร้อมกับชุดเข็มสีน้ำเงินก็เข้ากันกับหน้าปัดสีฟ้าเช่นกัน โดยนอกจากนี้จะเพิ่มความพิเศษด้วยขอบตัวเรือนสีทองชมพูตัดกับสีฟ้าของหน้าปัดช่วยให้ตัวเรือนขนาดกระทัดรัดนี้มีความสง่างามแบบไร้ที่ติ นาฬิกาทุกรุ่นจะถูกประดับด้วยตราสัญลักษณ์แบรนด์โอเรียนสตาร์สีทองชมพูสะท้อนถึงประกายของเกร็ดหิมะที่ล่องลอยผ่านอากาศ นาฬิกาในซีรีส์ทุกรุ่นถูกผลิตขึ้นแบบจำกัดจำนวนโดยที่รุ่น Modern Skeleton จะผลิตที่จำนวนทั้งหมด 900 เรือน รุ่น Semi Skeleton  ผลิตที่จำนวน 700 เรือน และรุ่น Classic Semi Skeleton ผลิตที่จำนวน 400 เรือน โดยที่นาฬิกาทุกรุ่นจะทำงานผ่านเครื่องอัตโนมัติ in-house

ORIENT STAR เผยโฉมรุ่นลิมิเต็ดแห่งปี 2024 ด้วยนาฬิกาภายใต้ธีมเคชิกิ (Keshiki) ที่สะท้อนสีสันที่เชื่อมสรรพสิ่งของโลกเข้าไว้ด้วยกัน Read More »

เรือนลิมิเต็ดสองรุ่นสุดพิเศษจากโอเรียนสตาร์คอลเลกชั่น M 42 ที่ได้แรงบันดาลใจจากแสงเหนือยามรุ่งอรุณ

Orient Star เปิดตัวนาฬิกาสองรุ่นใหม่ภายใต้คอลเลกชั่นคอนเทมโพรารีในกลุ่ม M34 ได้แก่รุ่น M34 F7 Mechanical Moon Phase Limited Edition และ M34 F7 Semi Skeleton Limited Edition ซึ่งในแต่ละรุ่นถูกผลิตขึ้นเพียง 200 เรือน โดยที่นาฬิการุ่นใหม่นี้ได้สะท้อนภาพของแสงเหนือที่จะส่องแสงขึ้นเพียงชั่วครู่อยู่บนท้องฟ้ายามรุ่งอรุณด้วยการเลือกใช้หน้าปัดเปลือกหอยมุกแบบไล่เฉด แรงบันดาลใจในการออกแบบที่ได้จากแสงเหนือนั้นแสดงออกมาผ่านเส้นสายอันเฉียบคมของตัวเรือนซึ่งเป็นหัวใจหลักของนาฬิกาในคอลเลกชั่นคอนเทมโพรารี M34 ที่ซึ่งตั้งชื่อตามกลุ่มดาวเพอเซอุส เรื่องราวของโลกและอวกาศถูกใช้เป็นแกนสำคัญในการออกแบบของโอเรียนท์สตาร์ซึ่งมุ่งมันในการผลิตเรือนเวลาให้เจิดจรัสดุจดวงดาวที่ส่องประกาย นาฬิกาภายใต้คอนเซปต์ของแสงเหนือนั้นได้เผยโฉมขึ้นครั้งแรกในปี 2023 กับรุ่น M34 F7 Semi Skeleton ที่สื่อภาพของม่านแสงที่เต็มไปด้วยสีสันลอยอยู่บนท้องฟ้าในยามคำคื่นด้วยหน้าปัดเปลือกหอยมุกแบบไล่เฉดและเป็นอีกครั้งที่โอเรียนท์สตาร์ได้สื่อถึงปรากฏการณ์แสงเหนือผ่านรุ่นลิมิเต็ด M34 F7 Mechanical Moon Phase และ M34 F7 Semi Skeleton ด้วยความงดงามของงานออกแบบจากนาฬิการุ่นเด่นอย่าง semi skeleton และ moon phase นั้นสะท้อนภาพของแสงเหนือในยามรุ่งอรุณได้อย่างชัดเจน หน้าปัดเปลือกหอยมุกที่จะเปลี่ยนสีไปตามมุมมองที่ผนวกเข้ากับการเลือกใช้สีเทาอ่อนชวนให้นึกถึงกลุ่มหมอกที่ล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าในช่วงก่อนที่ดวงอาทิตย์ขึ้นในเช้าวันใหม่ กระจกคริสตัสแซฟไฟร์แบบโค้งทั้งด้านนอกและด้านในที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน (SAR

เรือนลิมิเต็ดสองรุ่นสุดพิเศษจากโอเรียนสตาร์คอลเลกชั่น M 42 ที่ได้แรงบันดาลใจจากแสงเหนือยามรุ่งอรุณ Read More »

Scroll to Top