Orient Star เปิดตัวนาฬิกาสองรุ่นใหม่ภายใต้รหัส M34 F8 Date จากคอลเลคชั่นคอนเทมโพรารีที่มาพร้อมกับงานออกแบบหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากภาพของฝนดาวตกที่ประสานงานกับการบอกเวลาผ่านกลไกอัตโนมัติคุณภาพสูงด้วยประสิทธิภาพของจักรเหล็กซิลิคอน นาฬิการุ่นแรกได้รับการสร้างสรรหน้าปัดจากเทคโนโลยีใหม่ของโลกได้แก่นาโนพาร์ทิคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งเทคโนโลยี (Nanoparticle Metal Multilayering Technology) ที่ถูกผลิตในแบบจำกัดจำนวนที่ 160 เรือนในขณะที่นาฬิการุ่นที่สองมาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวดีไซน์สวยงามสะท้อนภาพอวกาศในห้วงลึกอันเป็นตัวแทนของนาฬิกา Orient Star ในรุ่นระดับเรือธงได้อย่างชัดเจน
คอลเลคชั่นคอนเทมโพรารี M34 ที่ได้แรงบันดาลใจจากกลุ่มดาวเพอร์เซอุสด้วยภาพของฝนดาวตกที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืนสร้างความหลากหลายให้กับไลน์อัพของแบรนด์ซึ่ง M34 F8 Date เป็นนาฬิกาในระดับบนที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือในการประดิษฐ์ของช่างที่เชี่ยวชาญประกอบกับการใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำ
M34 F8 Date มีรูปลักษณ์ในแบบร่วมสมัยที่ประกอบไปด้วยชุดบอกเวลาแบบสามเข็มบริเวณกึ่งกลางหน้าปัด ช่องแสดงวันที่ในตำแหน่ง 3 นาฬิกาและมาตรวัดพลังงานคงเหลืออันเป็นคุณลักษณะอันโดดเด่นของแบรนด์ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกา หน้าปัดสีดำของรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่นแสดงถึงภาพของกลุ่มฝนดาวตกที่พุ่งลงจากบนท้องฟ้าในยามค่ำคืนโดยอาศัยเทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งที่ทำให้สามารถกำหนดระดับการไล่เฉดสีและความเรียบเนียน ความหนาพร้อมด้วยการเคลือบใสอันเป็นที่มาของภาพห้วงอวกาศที่มีความลึก เทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่งนี้เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบใหม่ที่ในเนื้อสีจะประกอบไปด้วยอนุภาคโลหะขนาดเล็กในระดับนาโนมิเตอร์ที่จะถูกใช้สำหรับพิมพ์ภาพด้วยกรรมวิธีพ่นสีแบบอิงค์เจ็ทลงบนหน้าปัดซ้ำไปมาหลายชั้น มากไปกว่านั้นนาฬิกายังได้รับการเติมเต็มด้วยเข็มและหลักชั่วโมงที่ได้รับการปัดเส้นแฮร์ไลน์และขัดเงารวมถึงกรอบช่องแสดงวันที่ที่มีเส้นสายอันคมกริบตัดกับพื้นหน้าปัดสีดำอย่างชัดเจน
ในส่วนของรุ่นที่ผลิตแบบทั่วไปที่มาพร้อมกับหน้าปัดสีเขียวนั้นมีลวดลายบนหน้าปัดที่ได้แรงบันดาลใจจากฝนดาวตกเช่นเดียวกับรุ่นหน้าปัดสีน้ำเงินที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ขั้นตอนการประดิษฐ์หน้าปัดยังคงใช้เทคโนโลยีออพติคัลมัลติเลเยอร์ฟิล์มที่มีส่วนช่วยขับสีและลวดลายบนหน้าปัดให้โดดเด่นและเปลี่ยนแปลงความสวยงามไปตามมุมมองที่แสงตกกระทบ เทคโนโลยีออพติคัลมัลติเลเยอร์ที่ถูกคิดค้นขึ้นเองนี้ได้สร้างเอฟเฟคของโทนสีลงบนแผ่นโลหะด้วยการซ้อนทับของแผ่นฟิล์มที่มีความบางในระดับนาโนที่จะคอยควบคุมการสะท้อนและการส่งผ่านของแสง ด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้ได้ภาพของห้วงอวกาศที่มีความลึกที่ไม่อาจทำได้ด้วยการลงสีบนหน้าปัดแบบทั่วไป
หน้าปัดที่มีความพิเศษเหล่านี้ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นภายในสตูดิโอหน้าปัดของชินชูว๊อชสตูดิโอ (Shinshu Watch Studio) ในจังหวัดนากาโนประเทศญี่ปุ่น สตูดิโอหน้าปัดได้แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการผลิตอันยอดเยี่ยม อาทิ งานพื้นผิว ความสวยงามของหลักชั่วโมง งานลงสี งานเคลือบและงานประดิษฐ์ในส่วนของเข็มนาฬิกา เทคนิคที่ต้องการความเที่ยงตรงและแม่นยำนี้ต้องอาศัยงานฝีมือที่เป็นเลิศเพื่อทำให้หน้าปัดอันโดดเด่นของโอเรียนท์สตาร์เป็นจริงขึ้นมาได้
เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำไม่ได้จำกัดไว้แค่ในส่วนของหน้าปัดแต่ยังได้นำไปใช้กับเครืองอัตโนมัติ in-house รุ่นล่าสุด รหัส F8N64 ที่บรรจุจักรเหล็กซิลิคอนอันเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีของโอเรียนท์สตาร์ไว้ภายในซึ่งมีประสิทธิภาพในการให้ค่าความเที่ยงตรงสูงระดับ +15 ถึง -5 วินาทีต่อวันและสำรองพลังงานสูงสุดที่ 60 ชั่วโมง โรเตอร์ได้รับการขัดแต่งด้วยลวดลายเจนิวาสริปตส์ส่องประกายความงดงามผ่านฝาหลังที่กรุด้วยกระจกซัฟไฟร์
ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้านี้ยังเห็นได้จากกระจกซัฟไฟร์โค้งด้านหน้าที่เคลือบสารกันแสงสะท้อนทั้งด้านนอกและด้านใน (SAR coating) ประกอบอยู่กับตัวเรือนขนาด 40 มิลลิเมตรที่ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจากฮีโร่ในตำนานกรีกอย่างเพอร์เซอุส ตัวเรือนที่มีความสวยสง่าถูกจับคู่กับสายโลหะที่ผลิตขึ้นจากสเตนเลสสตีลคุณภาพสูงเกรด SUS316L ให้ความสบายในการสวมใส่พร้อมเพิ่มความมั่นใจด้วยการกันน้ำระดับ 10 บาร์ จึงทำให้ M34 F8 Date ไม่เพียงแค่มีเอกลักษณ์ในด้านความสวยงามและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมเท่านั้นแต่ยังเป็นเลิศในการใช้งานได้จริงจึงทำให้เป็นอีกหนึ่งเรือนเวลาสำหรับใส่ในชีวิตประจำวันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยแรงดึงดูด
- หมายเลขสิทธิบัตร (ญี่ปุ่น) สำหรับเทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลมัลติเลเยอริ่ง : 7639981
- เทคโนโลยีแรกของโลกในการพิมพ์ด้วยนาโนพาร์ติคัลเมทัล/ น้ำหมึกนาโนพาร์ติคัลเมทัลเลเยอริ่งสำหรับการตกแต่งหน้าปัดนาฬิกา การทำการวิจัยตลาดสำหรับเทคโนโลยีนาโนพาร์ติคัลเมทัลลามินเนชั่น (หน้าปัดนาฬิกาที่ได้รับการตกแต่งด้วยเทคโนโลยีที่ใช้นาโนพาร์ติคัลเมทัล/ น้ำหมึกนาโนพาร์ติคัลเมทัล) (การวิจัยครั้งแรกของโลกที่ได้รับการอนุมัติ) และการวิจัยที่เป็นทรัพย์สินทางปัญญาของผู้ที่ดำเนินการก่อนหน้านั้น (อาทิ คู่แข่ง) ในขอบเขตที่เกี่ยวข้องในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม 2024 ถึงเดือนมกราคม 2025 *งานวิจัยโดย Trending Future Research Institute, Inc. ณ วันที่ 27 มกราคม 2025
เกี่ยวกับเอ็มคอลเลคชั่นใหม่ (M Collection)
Collection | Contemporary Collection (M34) | |
Model name | M34 F8 Date | |
Reference | RE-BX0006E | RE-BX0009B |
Movement | Automatic (with hand winding) mechanical in-house calibre F8N64 | |
Power reserve | 60 hours | |
Accuracy | +15 seconds ~ -5 seconds per day | |
Case material (colour) | Stainless steel (SUS316L) | |
Case size | Height 47.3 mm / width 40.0 mm / thickness 12.9 mm | |
Glass | Front: Dual curve sapphire crystal (SAR coating), back: sapphire crystal | |
Bracelet | Stainless steel (SUS316L) / trifold deployant buckle with push button / width 20 mm | |
Colour of dial | Green | Black |
Limited Edition | ― | 160 pieces |
Other features | Water resistance to 10 bar (100 m), power reserve indicator, second hand hacking, 22 jewels, see-through exhibition case back, date |
นาฬิกาโอเรียนท์สตาร์ (Orient Star)ได้เปิดตัว “M Collections” ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นดีไซน์ใหม่เพิ่มเติมจากกลุ่มคอลเลคชั่นเดิมได้แก่ Classic, Contemporary และ Sports สำหรับ “M Collections” ได้นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับตำนานเทพเจ้ากรีกที่สื่อถึงเนบิวลาและกระจุกดวงดาว ซึ่งคอลเลกชั่นล่าสุดนี้ไม่เพียงถูกสร้างขึ้นมาสำหรับผู้ชื่นชอบนาฬิกาเท่านั้นแต่ยังเป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่มองหานาฬิกาคุณภาพสูงอีกด้วย โดยกลุ่มของ M Collection ประกอบไปด้วย 3 คอลเลคชั่น ได้แก่
คอลเลกชั่น M45 “ความงามอันเป็นนิรันดร์” รหัสที่ได้แรงบันดาลใจการตั้งชื่อตามกลุ่มดาวลูกไก่หรือที่รู้จักในนามซูบารุ (Subaru) ของคนญี่ปุ่น เป็นดาวที่ถูกใช้เป็นจุดสังเกตในการบอกเวลาและฤดูกาลมาตั้งแต่สมัยโบราณ องค์ประกอบของคอลเลคชั่นนี้จะเรียบง่ายและมีดีไซน์ที่คลาสสิค
คอลเลกชัน M34 “ดวงดาวที่ส่องแสง” รหัสที่ได้รับแรงบันดาลใจจากฝนดาวตกเพอร์เซอุส (Perseus) ที่ตกลงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน เป็นคอลเลกชั่นที่มีการออกแบบที่เฉียบคมทรงพลังและล้ำสมัย
คอลเลกชั่น M42 “ความกระตืนรือร้น” รหัสที่ตั้งชื่อตามกลุ่มดาวนายพรานที่กล่าวกันว่าเป็นบุตรของโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของกรีกโบราณ คอลเลกชั่นนี้จะเป็นนาฬิกาในกลุ่มไดเวอร์ว๊อช (diver watch) ซึ่งเป็นนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง
เกี่ยวกับโอเรียนท์สตาร์
“Capture Your Gaze” ดึงดูดสายตาของคุณ สะท้อนความงามอันน่าอัศจรรย์ของดวงดาวที่เปล่งประกาย โอเรียนท์สตาร์คือเรือนเวลาชั้นเยี่ยมที่รังสรรค์โดยช่างฝีมือชาวญี่ปุ่นตั้งแต่ปี 1951 โอเรียนท์สตาร์ยังคงเปล่งประกายและสร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยี รวมถึงการออกแบบเรือนเวลาอันงดงาม ทักษะแบบดั้งเดิมในการสร้างงานฝีมืออันประณีต ระบบการผลิตภายในองค์กรเพื่อสร้างกลไกคุณภาพสูง และการออกแบบดั้งเดิม ล้วนถูกนำมาผสมผสานเข้าด้วยกันเพื่อสร้างนาฬิการุ่นพิเศษที่ผลิตในญี่ปุ่น โอเรียนท์สตาร์จะยังคงส่งมอบผลงานสร้างสรรค์เหล่านี้ในญี่ปุ่นและทั่วโลก
ประวัติโดยย่อ
1951 กำเนิด Orient Star
1957 เปิดตัว Orient Star Dynamic* พร้อมเข็มชั่วโมง เข็มนาที และเข็มวินาทีบนแกนกลางของนาฬิกา
1971 กำเนิดกลไกซีรีส์ 46 ที่ผสมผสานทั้งความสะดวกในการใช้งานและความแม่นยำสูงเข้าด้วยกัน กลไกนี้จึงกลายมาเป็นกลไกพื้นฐานของ Orient Star และแบรนด์ Orient มาเป็นเวลา 50 ปี
1991 เปิดตัว Mon Bijou* นาฬิการุ่น Skeleton ที่มีดีไซน์สวยงามและคุณภาพสูง
1996 ตัวเรือนนาฬิการุ่นนี้มีตัวบอกพลังงานสำรองซึ่งปัจจุบันเป็นคุณลักษณะที่โดดเด่นของแบรนด์ ได้ถูกผสานเข้ากับดีไซน์
2017 Orient Watch Co. Ltd. ควบรวมกิจการกับ Seiko Epson Corporation ซึ่งเป็นบริษัทที่มีประวัติการผลิตนาฬิกาที่แข็งแกร่งและเน้นด้านวิศวกรรมความแม่นยำ ทั้งสองบริษัทมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างสรรค์นวัตกรรม การออกแบบและงานฝีมือคุณภาพสูง ซึ่งสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเติบโตในอนาคตของ Orient Star
2017 เปิดตัว Mechanical Moon Phase นาฬิกาบอกเวลาแห่งจักรวาล ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือครั้งใหม่นี้ นับเป็นยุคใหม่ของการผลิตนาฬิกาสำหรับแบรนด์ Orient Star
2021 Orient Star เฉลิมฉลองครบรอบ 70 ปี นาฬิการุ่น Skeleton มาพร้อมกับกลไกล่าสุดพร้อมเฟืองขับเคลื่อนซิลิคอนที่พัฒนาขึ้นภายในบริษัทเพื่อพลังงานสำรองที่ยาวนานขึ้นและความสวยงาม โดยผสานการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากจักรวาลอันกว้างใหญ่ *ปัจจุบันไม่วางจำหน่าย